พื้นไวนิลคืออะไร ? สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้งาน
S.J.Sourcing สรุปให้
- พื้นไวนิลคือ วัสดุปูพื้นที่ผลิตจาก PVC (Polyvinyl chloride) มีความทนทาน กันน้ำ ดูแลง่าย
- แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ พื้นไวนิลแบบแผ่น (Vinyl Sheet) กระเบื้องยางไวนิล (LVT) และพื้นไวนิลคลิกล็อก (SPC & WPC)
- ข้อดีหลัก คือ ราคาถูกกว่าไม้จริง ทนน้ำ ทนปลวก ลดเสียงเดิน ติดตั้งง่าย มีลวดลายสวยเหมือนไม้จริง
- ใช้งานได้ทั้งที่พักอาศัย (ห้องนอน ห้องนั่งเล่น) และพื้นที่พาณิชย์ (สำนักงาน โรงพยาบาล ห้างร้าน)
- พื้นไวนิลทนน้ำได้ดีกว่าพื้นลามิเนต ขณะที่ SPC แข็งแรงกว่า LVT แต่ราคาสูงกว่า
-
ดูแลรักษาโดยกวาด ถูด้วยผ้าหมาด ๆ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเจือจาง
พื้นไวนิลคือ วัสดุปูพื้นที่ได้รับความชื่นชอบ เพราะความทนทาน ลวดลายงดงาม และราคาไม่สูง บทความนี้ S.J.Sourcing จะพาไปรู้จักกับแผ่นพื้นไวนิลอย่างละเอียด ทั้งประเภท ข้อดีข้อจำกัด การเทียบกับวัสดุปูพื้นชนิดอื่น ๆ รวมถึงการติดตั้งและการดูแลรักษา เพื่อช่วยให้ท่านมีข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกใช้งานค่ะ
สารบัญ
- S.J.Sourcing สรุปให้
- พื้นไวนิลคืออะไร ? ทำมาจากวัสดุประเภทใด
- ประเภทของพื้นไวนิลที่พบได้ในท้องตลาด
- ข้อดีและข้อจำกัดของกระเบื้อง vinyl คืออะไร ?
- การเปรียบเทียบแผ่นพื้นไวนิลกับวัสดุปูพื้นชนิดอื่น
- ขั้นตอนการติดตั้งและเตรียมพื้นผิวสำหรับปูพื้นไวนิล
- วิธีการดูแลรักษาและทำความสะอาดพื้นไวนิล
พื้นไวนิลคืออะไร ? ทำมาจากวัสดุประเภทใด
พื้นไวนิลคือ วัสดุปูพื้นที่จาก PVC (Polyvinyl chloride) หรือพลาสติกชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติคงทน ปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย รับน้ำหนักได้สูง ปลอดสารพิษ ทนทานอุณหภูมิสูงต่ำ ทั้งยังทนต่อความชื้น กรดและเบส
กระเบื้องไวนิลคือวัสดุปูพื้นที่ใช้พลาสติก PVC เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีความเหนียว ไม่แตกหัก ทนต่อแรงกระแทก แรงกดทับกับแรงดึงได้ดี แผ่นพื้นไวนิลถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนไม้จริง โดยมีจุดเด่นที่ราคาถูกกว่า ทนทานและดูแลง่ายกว่าค่ะ
คุณสมบัติพื้นฐานของพื้นไวนิลคือ มีการถ่ายเทความร้อนต่ำ ไม่ติดไฟ มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อวัสดุเหนียว รองรับแรงกดทับหรือแรงกระแทกได้ดี ทนต่อความชื้น ทนต่อรอยขีดข่วน ช่วยลดโอกาสลื่นล้ม เก็บเสียงเดินได้ ทำความสะอาดง่าย และไม่มีปัญหาเรื่องมอดหรือปลวกค่ะ
ส่วนประกอบและชั้นโครงสร้างของแผ่นพื้นไวนิล
แผ่นพื้นไวนิลมีส่วนประกอบจากเลเยอร์เรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ คล้าย "ขนมชั้น" เพื่อคงคุณสมบัติต่าง ๆ รองรับการใช้งาน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ
- ชั้นเคลือบผิว (Wear Layer) เป็นชั้นบนสุดที่มีหน้าที่ป้องกันรอยขีดข่วน รอยขูด และการสึกหรอ
- ชั้นลวดลาย (Design Layer) ชั้นที่มีลวดลายของไม้หรือวัสดุอื่น ๆ ตามแบบ
- ชั้นแกนหลัก (Core Layer) ชั้นหลักที่ให้ความแข็งแรงและความทนทาน ทำจาก PVC หรือในกรณีของ SPC จะผสมผงหิน หรือ WPC จะผสมผงไม้
- ชั้นฐาน (Base Layer) ชั้นล่างสุดที่สัมผัสกับพื้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงและความทนทาน
-
ชั้นรองพื้น (Backing Layer) ในบางรุ่นอาจมีชั้นรองพื้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงและเพิ่มความนุ่มสบายเมื่อเดิน
ความหนาของพื้นไวนิลแต่ละประเภทจะแตกต่างกันตามการใช้งาน โดยทั่วไปจะมีความหนาตั้งแต่ 2-7 มิลลิเมตร ยิ่งหนาก็จะยิ่งทนทานและมีคุณสมบัติการดูดซับเสียงที่ดีขึ้นค่ะ
ประเภทของพื้นไวนิลที่พบได้ในท้องตลาด
พื้นไวนิลคือวัสดุที่มีหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะของพื้นที่และงบที่มี โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1. พื้นไวนิลแบบแผ่น (Vinyl Sheet)
พื้นไวนิลแบบม้วน จะมีความหนาอยู่ที่ 2 4 มม. นอกจากการคำนวณพื้นที่ในการปูและวางแผนแล้ว พื้นไวนิลแบบม้วนยังต้องใช้การเชื่อมร้อนในการปิดร่องรอยต่อพื้นไวนิล ยิ่งพื้นไวนิลแบบม้วนมีความหนามากเท่าไร การเชื่อมร้อนเพื่อปิดรอยต่อก็จะยิ่งทำได้ยากและต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าพื้นไวนิลแบบแผ่นค่ะ
พื้นไวนิลแบบแผ่น รูปแบบดั้งเดิมที่มาในลักษณะม้วนใหญ่ ข้อดีคือมีรอยต่อน้อย เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้างกับต้องการความต่อเนื่องของลวดลาย เช่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำและทำความสะอาดง่าย อย่างไรก็ตาม การติดตั้งต้องใช้ช่างผู้ชำนาญและต้องใช้กาวในการยึดติด
2. กระเบื้องยางไวนิล (Luxury Vinyl Tile - LVT)
LVT ย่อมาจาก (Luxury Vinyl Tiles) คือพื้นไวนิลแบบแผ่น ที่ชั้นวัสดุหลัก (Core Layer) ผลิตจากพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) 100% ความหนาเฉลี่ย 2-4 มม. มีการติดตั้งแบบทากาว (Dry Back) กับแบบคลิกล็อค (Click Lock) ให้เลือก
LVT พื้นไวนิลที่ได้รับความชื่นชอบในช่วงนี้ เพราะมีลวดลายงดงามเหมือนไม้จริงหรือหิน และมีราคาไม่สูง กระเบื้องยางไวนิลประเภทนี้ออกแบบให้มีความงดงามดูมีคุณภาพ มีทั้งแบบติดตั้งด้วยกาวและแบบคลิกล็อก ข้อดีคือสามารถเปลี่ยนเฉพาะแผ่นที่เสียหายได้โดยไม่ต้องรื้อทั้งพื้น
ข้อดีของกระเบื้องยาง LVT ด้วยตัวแผ่นที่เป็นไวนิล 100% (เทียบเหมือนยางรถยนต์) ทำให้ทนต่อแรงกระแทกจากการใช้งาน รับน้ำหนักได้สูง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานทั่วไป เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน
3. พื้นไวนิลลายไม้แบบคลิกล็อก (SPC & WPC)
แผ่นพื้นไวนิลประเภทนี้เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของพื้นไวนิลแบบเดิม โดยแบ่งเป็นสองประเภทย่อย ค่ะ
SPC (Stone Plastic Composite)
- SPC พื้นไวนิลแบบแผ่น ที่ชั้นวัสดุหลัก (Core Layer) ผลิตจากการผสมระหว่าง PVC กับผงหิน มีความหนาเฉลี่ย 4-5 มม.
-
SPC จะมีส่วนผสมของผงแร่ใยหิน กับ PVC ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานสูง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัญจรหนัก หรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือพื้นที่พาณิชย์
WPC (Wood Plastic Composite)
- WPC พื้นไวนิลแบบแผ่น ที่ชั้นวัสดุหลัก (Core Layer) ผลิตจากการผสมระหว่าง PVC กับผงไม้อัดแน่นเข้าด้วยกัน ผิวสัมผัสให้ความรู้สึกคล้ายไม้จริง มีความหนาเฉลี่ย 5-7 มม. ใช้การติดตั้งแบบคลิกล็อคอย่างเดียว
-
กระเบื้องยาง WPC ย่อมาจาก "Wood Plastic Composite" วัสดุที่ผลิตจาก โพลิเมอร์ (PVC) คุณภาพสูง หินปูน สารที่ทำให้เกิดฟอง และไม้ อัดแน่นเข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มความคงตัวให้กับแผ่นกระเบื้อง จึงไม่พบปัญหาการเกยกัน หรือโก่งตัว
ข้อดีของพื้นไวนิลคือการติดตั้งแบบคลิกล็อกทั้ง SPC กับ WPC เพราะสามารถติดตั้งได้ง่ายด้วยตนเองโดยไม่ต้องใช้กาว เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ มีความทนทานสูง และสามารถรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายได้ง่ายหากต้องการเปลี่ยนพื้นในอนาคตค่ะ
ข้อดีและข้อจำกัดของกระเบื้อง vinyl คืออะไร ?
การเลือกใช้พื้นไวนิลมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้ค่ะ
ข้อดีของแผ่นพื้นไวนิล
- ราคาเข้าถึงง่าย พื้นไวนิลคือกระเบื้องยางแบบพอลิเมอร์ ที่นำ PVC มาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก เทียบกับพื้นไม้จริง จะมีราคา /ตร.ม. ที่ย่อมเยากว่าเพราะมีต้นทุนการผลิตน้อยกว่า
- ทนน้ำและความชื้น พื้นกระเบื้องไวนิล PVC มีความทนทานต่อความชื้น กับความร้อนได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ หรือห้องครัว
- ทนทานต่อรอยขีดข่วน ด้วยชั้นเคลือบผิวที่แข็งแรง ทำให้พื้นไวนิลทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดี
- ดูแลง่าย สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยการกวาดหรือถูด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ
- ลดเสียงเดิน ความหนา 5 มม. ช่วยลดระดับเสียงลงได้ถึง 15 เดซิเบล ทำให้เหมาะสำหรับอาคารชุดหรือพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ
- ติดตั้งง่าย โดยเฉพาะรุ่นคลิกล็อกที่สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ช่าง
- ลวดลายหลากหลาย มีให้เลือกทั้งลายไม้ ลายหิน หรือลายกราฟิกต่าง ๆ ตามความต้องการ
-
ปลอดภัยจากปลวกและมอด เพราะทำจากวัสดุสังเคราะห์ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกหรือมอด
ข้อจำกัดของแผ่นพื้นไวนิล
- ถ้าต้องสัมผัสกับปริมาณความชื้นที่มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการหดหรือขยายตัวได้
- ไม่เหมาะกับพื้นที่รับแสงแดดโดยตรง การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้สีซีดได้
- ไม่สามารถขัดหรือทำสีใหม่ได้ เมื่อพื้นเกิดการสึกหรอมาก ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่
- คุณภาพแตกต่างกันตามราคา พื้นไวนิลราคาถูกอาจมีความทนทานน้อยกว่าและอายุการใช้งานสั้นกว่า
-
ต้องการพื้นผิวที่เรียบได้ระดับก่อนติดตั้ง เพราะอาจทำให้การติดตั้งไม่สมบูรณ์และอายุการใช้งานสั้นลง
การเปรียบเทียบแผ่นพื้นไวนิลกับวัสดุปูพื้นชนิดอื่น
เมื่อเทียบกับวัสดุปูพื้นชนิดอื่น พื้นไวนิลมีข้อแตกต่างที่สำคัญหลายอย่างก่อนตัดสินใจเลือกใช้ค่ะ
ความแตกต่างของพื้นลามิเนตกับพื้นไวนิลคืออะไร ?
ความแตกต่างระหว่างพื้นลามิเนตกับพื้นไวนิลคือลักษณะกับการใช้งาน โดยหลัก ๆ แล้วพื้นลามิเนตมีส่วนประกอบหลักจากไม้ ส่วนพื้นไวนิลทำมาจาก PVC (พลาสติก) ความแตกต่างของวัสดุนี้ส่งผลต่อคุณสมบัติหลายด้าน ตั้งแต่ความทนทานต่อน้ำ ความรู้สึกเมื่อสัมผัส จนถึงพื้นที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้ง สามารถดูตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญของพื้นทั้งสองชนิดนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนได้ค่ะ
คุณสมบัติ | พื้นลามิเนต | พื้นไวนิล |
---|---|---|
วัสดุหลัก | ไม้อัด (MDF/HDF) ที่พิมพ์ลายไม้ เคลือบผิวหน้า | PVC (พลาสติก) |
ความทนน้ำ/ความชื้น | น้อย อาจบวมหรือเสียหายเมื่อโดนน้ำนาน | สูงมาก ทนน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม |
ความรู้สึกเมื่อเดิน | แข็งกว่า อาจมีเสียงดังกว่า | นุ่มเท้ากว่า |
การดูดซับเสียง | น้อยกว่า | ดีกว่า |
การติดตั้ง | ส่วนใหญ่ใช้ระบบคลิกล็อก | มีทั้งแบบใช้กาวและระบบคลิกล็อก |
พื้นที่เหมาะสม | ภายในอาคาร เลี่ยงพื้นที่ชื้น ไม่เหมาะกับชั้นล่างติดดิน | ภายในอาคาร ปูพื้นชั้นล่างได้ ทนต่อความชื้นได้ดี |
ราคา | โดยทั่วไปต่ำกว่า | โดยทั่วไปสูงกว่า |
ความแตกต่างระหว่างพื้นไวนิล (LVT) และพื้น SPC
การเลือกวัสดุปูพื้นบางทีก็มีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาก่อน แผ่นพื้นไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile) และพื้น SPC (Stone Plastic Composite) ต่างก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่มีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้างและส่วนผสมหลัก โดย LVT ทำจากไวนิลบริสุทธิ์ ส่วน SPC มีส่วนผสมของผงหิน ทำให้คุณสมบัติหลายด้านต่างกัน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นจากตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญของพื้นทั้งสองประเภทค่ะ
คุณสมบัติ | พื้นไวนิล | พื้น SPC |
---|---|---|
ส่วนประกอบหลัก | ไวนิลบริสุทธิ์ 100% (Pure PVC) | ผงหินผสม PVC |
ความแข็งแรง | ยืดหยุ่น | แข็งแรงทนทานสูงกว่า |
ความยืดหยุ่น | สูง รับแรงกระแทกได้ดี | น้อยกว่า LVT ค่อนข้างแข็งตัว |
ความหนาเฉลี่ย | ประมาณ 2-4 มม. | ประมาณ 4-5 มม. |
ราคา | สูงกว่า SPC | เข้าถึงง่ายกว่า LVT |
ตัวเลือกลวดลาย | อาจมีตัวเลือกน้อยกว่า | มีตัวเลือกหลากหลายกว่า |
การใช้งานเหมาะสม |
|
|
ขั้นตอนการติดตั้งและเตรียมพื้นผิวสำหรับปูพื้นไวนิล
สิ่งสำคัญสำหรับการปูแผ่นพื้นไวนิลคือการเตรียมพื้นผิวและติดตั้งที่ถูกวิธี เพื่อให้มีประสิทธิภาพกับอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยมีขั้นตอนดังนี้
การเตรียมพื้นผิว
-
ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่น คราบน้ำมัน หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ
-
ตรวจสอบว่าพื้นเรียบและได้ระดับ ถ้ามีรอยแตกหรือรูโหว่ต้องซ่อมแซมก่อน
ข้อปฏิบัติก่อนการติดตั้ง ควรตรวจสอบความชื้นของพื้นก่อนการติดตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายให้แก่พื้นไม้ และต้องไม่มีน้ำรั่วซึมทั้งบริเวณพื้นด้านล่างและด้านข้าง ถ้าพบปัญหาต้องซ่อมแซมแก้ไขปัญหาโดยด่วน
วิธีการติดตั้งกระเบื้องไวนิล
ขั้นตอนการติดตั้งแผ่นพื้นไวนิลทั้ง 3 ประเภท มีดังนี้
การติดตั้งพื้นไวนิลแบบแผ่น (Sheet Vinyl)
- วัดขนาดพื้นที่และตัดแผ่นไวนิลให้มีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่เล็กน้อย
- ทากาวลงบนพื้นและวางแผ่นไวนิลลงไป
- ใช้ลูกกลิ้งกดให้แน่น เพื่อไล่ฟองอากาศและให้แผ่นไวนิลยึดติดกับพื้นสมบูรณ์
-
ตัดแต่งขอบให้พอดีกับพื้นที่
การติดตั้งกระเบื้องยางไวนิล (LVT) แบบทากาว
- วางแผนการปูโดยเริ่มจากจุดกึ่งกลางของห้อง
- ทากาวลงบนพื้นในพื้นที่ที่สามารถปูได้ทันภายในเวลาที่กาวยังไม่แห้ง
- วางกระเบื้องลงบนกาวและกดให้แน่น
-
ทำซ้ำจนครบทั้งพื้นที่
การติดตั้งพื้นไวนิลแบบคลิกล็อก (SPC หรือ WPC)
- กระเบื้องไวนิลรุ่น Clicklock (คลิกล็อค) จะไม่ใช้กาวในการติดตั้ง แต่ลักษณะการติดตั้งจะคล้ายการต่อจิ๊กซอว์ เป็นการเข้าลิ้นของแผ่นกระเบื้องไวนิลเอง
- เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 6-10 มม. เพื่อรองรับการขยายตัวของวัสดุ
- เริ่มปูจากมุมห้องและต่อแผ่นไปเรื่อย ๆ ตามแนวที่วางแผนไว้
-
ใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ ที่รอยต่อเพื่อให้การล็อกสมบูรณ์
การตกแต่งขั้นสุดท้ายของการติดตั้งพื้นไวนิลคือ
- ติดตั้งบัวพื้น เพื่อปิดรอยต่อระหว่างพื้นกับผนัง
- ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานทั้งหมด
-
ทำความสะอาดพื้นหลังการติดตั้ง
สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ การติดตั้งพื้นไวนิลแบบคลิกล็อกจะเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องใช้กาวสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความแน่นหนาและทนทานสูง การติดตั้งแบบทากาวโดยช่างผู้ชำนาญจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
วิธีการดูแลรักษาและทำความสะอาดพื้นไวนิล
พื้นไวนิลคือวัสดุที่ดูแลง่าย แต่ก็ยังต้องมีการดูแลที่ถูกวิธีเพื่อให้มีอายุการใช้งานและคงความงาม การดูแลรักษาทำความสะอาดสำหรับกระเบื้องไวนิล
- การทำความสะอาดประจำวัน ควรทำความสะอาดเป็นประจำโดยใช้ไม้กวาด ผ้าสะอาดหรือใช้ม็อบ และเครื่องดูดฝุ่นเพื่อเก็บฝุ่นกับเศษขยะที่อยู่บนพื้น แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกเล็กน้อย
- การทำความสะอาดลึก ใช้ผ้า หรือไม้ม็อบชุบน้ำสะอาดผสมน้ำยาทำความสะอาดพื้นที่มีความเข้มข้นต่ำเพื่อทำความสะอาด ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์สูตรเข้มข้นที่มีส่วนผสมของกรด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย และเช็ดให้แห้งหลังทำความสะอาด ไม่ปล่อยให้มีน้ำขังบนพื้น
-
การดูแลคราบต่าง ๆ ถ้ามีฝุ่นเกาะตามพื้น โดยใช้ไม้กวาด เครื่องดูดฝุ่น หรือเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่า ส่วนคราบโคลน ให้ใช้น้ำอุ่นทำความสะอาด และทำความสะอาดคราบหมึกด้วย แอลกอฮอล์
วิธีป้องกันความเสียหายต่อพื้นไวนิลคือ
- ใช้แผ่นรองเฟอร์นิเจอร์หรือที่รองขาโต๊ะเก้าอี้เพื่อป้องกันรอยขูดขีด
- หลีกเลี่ยงการลากเฟอร์นิเจอร์หนัก ๆ บนพื้นโดยตรง
- ใช้พรมเช็ดเท้าบริเวณทางเข้า เพื่อลดปริมาณสิ่งสกปรกและความชื้นที่จะเข้ามาในพื้นที่
-
หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่มีความคม หรือของแหลมที่อาจทำให้เกิดรอยบนพื้น
ข้อควรระวังสำหรับแผ่นพื้นไวนิล
- หลีกเลี่ยงการใช้แปรงขัดที่มีขนแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นได้
- ไม่ควรใช้น้ำยาขัดเงาหรือแว็กซ์กับพื้นไวนิลที่มีผิวเคลือบมาแล้วจากโรงงาน
- LVT ทนต่อน้ำและไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดแบบพิเศษ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้น้ำขังบนพื้นเป็นเวลานาน
-
หลีกเลี่ยงการวางพื้นไวนิลในบริเวณที่ได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้สีซีดได้
การดูแลรักษาที่ถูกวิธี ทำให้พื้นไวนิลจะสามารถคงความงามและใช้งานได้ยาวนานถึง 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการใช้งานค่ะ
สรุป
พื้นไวนิลคือ วัสดุปูพื้นที่ทำจาก PVC (Polyvinyl chloride) หรือพลาสติกชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติโดดเด่นเรื่องความคงทน การดูแลรักษาง่าย ราคาไม่สูง ทนต่อความชื้น และมีลวดลายหลากหลายให้เลือก รวมถึงลายไม้ที่สวย ในท้องตลาดมีประเภท หลัก ๆ 3 ชนิดให้เลือก เช่น พื้นไวนิลแบบแผ่น กระเบื้องยางไวนิล (LVT) และพื้นไวนิลแบบคลิกล็อก (SPC, WPC) แต่ละชนิดก็มีจุดเด่นกับข้อจำกัดแตกต่างกัน
การเลือกใช้แผ่นพื้นไวนิลควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งาน งบประมาณ ความสวยงาม และความทนทานที่ต้องการ โดยเฉพาะพื้นไวนิล SPC มักได้รับความสนใจจากราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี เมื่อเทียบกับวัสดุปูพื้นอื่น กระเบืองไวนิลคือวัสดุที่มีข้อได้เปรียบด้านความทนน้ำ ความยืดหยุ่น การดูแลที่สะดวกกว่า แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องความทนทานต่อความร้อนสูงและการซ่อมแซมบางจุดค่ะ
ไม่ว่าจะเลือกพื้นไวนิลประเภทใด การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานกับรักษาความสวยไว้ได้นาน ทำให้พื้นไวนิลคือทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุปูพื้นที่ทั้งสวย ทนทาน และมีราคาที่เหมาะสมค่ะ
