เปรียบเทียบ พื้นลามิเนต กับ กระเบื้องยาง เลือกอะไรดี ? ให้เหมาะกับบ้าน
S.J.Sourcing สรุปให้
- พื้นลามิเนต ผลิตจากไม้อัดหลายชั้น สวยเหมือนไม้จริง แข็งแรง แต่ไม่สามารถทนน้ำและความชื้นได้
- กระเบื้องยาง ผลิตจาก PVC ทนน้ำ ทนความชื้น ดูแลง่าย ติดตั้งสะดวก
- พื้นลามิเนตเหมาะกับบริเวณที่ไม่ค่อยมีความชื้น เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน
- กระเบื้องยางเหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือบ้านที่เลี้ยงเด็กและสัตว์
- อายุการใช้งานของพื้นลามิเนต 10-15 ปี และกระเบื้องยาง 15-20 ปี
-
ราคาของพื้นลามิเนต 450-1,500 บาท/ตร.ม. และกระเบื้องยาง 350-1,200 บาท/ตร.ม.
พื้นลามิเนตและกระเบื้องยาง ต่างก็มีข้อดีของตัวเอง การตัดสินใจเลือกควรพิจารณาข้อมูลให้รอบด้านก่อน บทความนี้ S.J.Sourcing จะเปรียบเทียบคุณสมบัติ ข้อดี-ข้อเสีย พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกให้เข้ากับพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกวัสดุที่ตรงใจค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- S.J.Sourcing สรุปให้
- พื้นลามิเนต กับ กระเบื้องยาง คืออะไร?
- เปรียบเทียบคุณสมบัติ พื้นลามิเนต vs กระเบื้องยาง
- พื้นลามิเนตหรือกระเบื้องยาง การเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
พื้นลามิเนต กับ กระเบื้องยาง คืออะไร?
พื้นลามิเนต (Laminate Flooring) คือ วัสดุปูพื้นที่ผลิตจากไม้อัดหลายชั้น ประกอบด้วย 4 ชั้นหลัก คือชั้นเคลือบผิวกันรอยขูดขีด (Wear Layer) ชั้นลวดลาย (Decorative Layer) เป็นลายไม้ หิน หรือลวดลายตามดีไซน์ ชั้นแกนกลางหรือแผ่นไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นสูง (High-Density Fiberboard หรือ HDF) และชั้นล่างสุดคือชั้นปรับสมดุล (Balance Layer) พื้นลามิเนตได้รับความชื่นชอบเพราะมีลวดลายที่ดูคล้ายวัสดุธรรมชาติ ราคาถูกกว่าไม้จริง และติดตั้งง่ายด้วยระบบล็อค (Click-Lock System)
กระเบื้องยาง (Vinyl Flooring) คือ วัสดุปูพื้นสังเคราะห์ที่ผลิตจากพลาสติก PVC (Polyvinyl Chloride) มีหลายรูปแบบทั้งแบบแผ่น (Tile) แบบม้วน (Sheet) และแบบแถบ (Plank) กระเบื้องยางรุ่นใหม่มีโครงสร้างหลายชั้นเช่นกัน ประกอบด้วยชั้นเคลือบผิวป้องกันรอยขูดขีด ชั้นลวดลาย ชั้นกลางที่เป็นแกนหลัก และชั้นด้านล่างที่เสริมวัสดุรองพื้น ข้อเด่นของกระเบื้องยางคือทนน้ำ ทนความชื้น ดูแลรักษาง่าย และมีความยืดหยุ่นสูงกว่าพื้นลามิเนต
เปรียบเทียบคุณสมบัติ พื้นลามิเนต vs กระเบื้องยาง
1. ด้านความทนทาน
พื้นลามิเนต แข็งแรงทนต่อรอยขูดขีดและแรงกระแทกได้ดี เพราะมีชั้น HDF ที่มีความแข็งแรงสูง ข้อเสียของพื้นลามิเนตคือไม่ทนต่อความชื้นและน้ำ ถ้าโดนน้ำนาน ๆ จะทำให้แผ่นพื้นบวม ผิดรูป และเสียหายได้
กระเบื้องยาง มีข้อดีเรื่องความทนน้ำและความชื้นเหมาะสำหรับพื้นที่เปียกชื้น มีความยืดหยุ่นสูง รองรับแรงกระแทกได้ดี ทนต่อรอยขูดขีดระดับปานกลาง แต่เกิดรอยบุ๋มจากเฟอร์นิเจอร์หนักได้ง่ายกว่าพื้นลามิเนต
2. ด้านความสวยงาม
พื้นลามิเนต เลียนแบบลายไม้ธรรมชาติได้ มีสีและลวดลายให้เลือกหลากหลาย ให้บรรยากาศอบอุ่นแบบพื้นไม้จริง แต่เดินบนพื้นลามิเนตจะมีเสียงดังกว่าเมื่อเทียบกับกระเบื้องยาง
กระเบื้องยาง รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีพิมพ์ลวดลายทันสมัย เลียนแบบลายไม้ หิน กระเบื้อง หรือลวดลายสร้างสรรค์อื่น ๆ ได้หลากหลาย มีทั้งแบบเงาและแบบด้าน กระเบื้องยางคุณภาพสูงสามารถเลียนแบบพื้นผิวสัมผัสได้ใกล้เคียงธรรมชาติ
3. ด้านการติดตั้งและดูแลรักษา
พื้นลามิเนต ติดตั้งง่ายด้วยระบบล็อค (Click-Lock System) ไม่ต้องใช้กาว ติดตั้งเองได้ แต่ต้องเตรียมพื้นให้เรียบและแห้ง พร้อมปูวัสดุรองพื้น (Underlayment) เพื่อลดเสียงและป้องกันความชื้น ดูแลรักษาด้วยการกวาดหรือดูดฝุ่นและเช็ดด้วยผ้าหมาด แต่ต้องระวังไม่ให้มีน้ำขังบนพื้น
กระเบื้องยาง มีวิธีติดตั้งหลากหลาย ทั้งแบบใช้กาว แบบคลิกล็อก (Click-Lock) และแบบมีกาวในตัวคล้ายสติกเกอร์ บางแบบก็ติดตั้งได้ง่าย ข้อดีคือสามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไปได้ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความชื้น และยังทนทานต่อคราบหรือรอยเปื้อนต่าง ๆ ได้ดี
4. ด้านราคาและอายุการใช้งาน
พื้นลามิเนต มีราคา 450-1,500 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับความหนา คุณภาพ และแบรนด์ อายุใช้งานเฉลีย 10-15 ปี ถ้าดูแลถูกวิธี
กระเบื้องยาง มีราคา 350-1,200 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับประเภท ความหนา และคุณภาพ กระเบื้องยางคุณภาพสูงมีอายุใช้งาน 15-20 ปี และมีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าพื้นลามิเนต
5. ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
พื้นลามิเนต มีส่วนประกอบหลักเป็นไม้ธรรมชาติ แต่มีการใช้กาวและสารเคลือบที่มีสาร VOCs (สารประกอบอินทรีย์ระเหย) ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปล่อย VOCs ต่ำเพิ่มขึ้น
กระเบื้องยาง ผลิตจากพลาสติก PVC ในอดีตมีข้อกังวลเรื่องการปล่อยสาร VOCs แต่ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์กระเบื้องยางที่ปลอดสาร Phthalates (สารเพิ่มความยืดหยุ่น) และได้รับการรับรองมาตรฐานการปล่อยสาร VOCs ต่ำ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
พื้นลามิเนตหรือกระเบื้องยาง การเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
การเลือกระหว่างพื้นลามิเนตกับกระเบื้องยาง ควรพิจารณาตามลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ในบ้าน เพื่อประโยชน์สูงสุดและยืดอายุการใช้งานของวัสดุปูพื้นค่ะ
พื้นที่แห้ง (ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน)
สำหรับพื้นที่ความชื้นต่ำและไม่มีน้ำใช้งาน เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน พื้นลามิเนตเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพื้นไม้จริง แข็งแรงทนทานต่อการใช้งานทั่วไป ราคาเข้าถึงง่าย
พื้นลามิเนตเข้ากับห้องนอนเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวลกว่ากระเบื้องยาง เสียงสะท้อนน้อยกว่า ในห้องนั่งเล่นที่วางเฟอร์นิเจอร์หนัก พื้นลามิเนตรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าและไม่เกิดรอยบุ๋มง่าย
พื้นที่เปียกชื้น (ห้องน้ำ ห้องครัว ซักล้าง)
สำหรับพื้นที่ใช้น้ำหรือความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว พื้นที่ซักล้าง กระเบื้องยางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะคุณสมบัติกันน้ำและทนความชื้นได้ดี ไม่บวมหรือผิดรูปเมื่อโดนน้ำ ทำความสะอาดง่าย ป้องกันการลื่นได้ดี
ในห้องครัวที่มีการทำหกของน้ำหรือน้ำมัน กระเบื้องยางช่วยให้ทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซับกลิ่นอาหาร ทนต่อคราบเปื้อนได้ดี ส่วนในห้องน้ำ นอกจากจะทนน้ำได้ดีแล้ว พื้นผิวกันลื่นได้ดีเพิ่มความปลอดภัยเวลาใช้งาน
พื้นที่ที่ใช้งานเป็นประจำ (ทางเดิน โถงบ้าน)
พื้นที่ใช้งานบ่อยหรือเดินเยอะ เช่น ทางเดิน โถงบ้าน ทั้งพื้นลามิเนตและกระเบื้องยางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่มีข้อพิจารณาต่างกัน พื้นลามิเนตทนทานต่อรอยขูดขีดและแรงกระแทกจากการเดินได้ดี แต่มีเสียงดังเวลาเดิน
กระเบื้องยางลดเสียงเดินได้ดีกว่า มีความยืดหยุ่นทำให้สบายเท้า ถ้าที่บ้านมีประตูเปิดสู่ภายนอกโดยตรง กระเบื้องยางรับมือกับความชื้นหรือน้ำที่ติดเข้ามากับรองเท้าได้ดีกว่า
บ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง กระเบื้องยางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะมีความยืดหยุ่น ช่วยลดแรงกระแทกเวลาเด็กล้มได้ ดูแลรักษาง่าย และค่อนข้างทนทานต่อรอยขูดขีดจากเล็บสัตว์
กระเบื้องยางลดเสียงได้ดีกว่า ช่วยลดเสียงรบกวนจากการวิ่งเล่นของเด็กและสัตว์เลี้ยงได้ ถ้าเลือกพื้นลามิเนตที่มีค่าความทนทานต่อการขัดสี (AC Rating) สูง เช่น AC4 หรือ AC5 ก็ทนต่อการใช้งานหนักได้ดีเช่นกัน
สรุประหว่าง พื้นลามิเนต กับ กระเบื้องยาง
การเลือกระหว่างพื้นลามิเนตกับกระเบื้องยาง ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละครอบครัวและลักษณะการใช้งานของแต่ละพื้นที่ในบ้าน ทั้งสองวัสดุมีข้อดีข้อเสียต่างกัน
พื้นลามิเนต เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบความสวยแบบไม้จริง ต้องการความแข็งแรง ใช้งานในพื้นที่แห้ง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน แต่ต้องระวังเรื่องความชื้นและน้ำที่ทำให้พื้นเสียหายได้
กระเบื้องยาง เหมาะสำหรับผู้ต้องการวัสดุปูพื้นที่ทนน้ำ ทนความชื้น ดูแลง่าย มีความยืดหยุ่นสูง เข้ากับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว บ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง
โดยทั่วไป กระเบื้องยางมีราคาเริ่มต้นถูกกว่าพื้นลามิเนตเล็กน้อย แต่ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพและความหนา การเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
นอกจากการเลือกวัสดุที่เหมาะสมแล้ว การติดตั้งอย่างถูกวิธีก็เป็นส่วนสำคัญ ต่อความสวยงามและการใช้งานของพื้น ไม่ว่าจะเลือกใช้ผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์อย่าง S.J.Sourcing หรือศึกษาขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อลงมือทำเอง ก็จะช่วยให้พื้นลามิเนตหรือกระเบื้องยางใช้งานได้ทนทานและดูดีไปอีกนานค่ะ
ตารางเปรียบเทียบพื้นลามิเนตกับกระเบื้องยาง
คุณสมบัติ | พื้นลามิเนต | กระเบื้องยาง |
วัสดุหลัก | ไม้อัดหลายชั้น (HDF) | พลาสติก PVC |
ความทนน้ำ | ต่ำ (ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น) | สูง (ทนน้ำได้ดีเยี่ยม) |
ความทนต่อรอยขูดขีด | สูง | ปานกลาง |
ความยืดหยุ่น | ต่ำ | สูง |
เสียงเมื่อเดิน | ดังกว่า | เงียบกว่า |
การติดตั้ง | ระบบล็อค (Click-Lock) | แบบกาว แบบล็อคตัว แบบสติกเกอร์ |
การดูแลรักษา | ห้ามใช้น้ำมาก ต้องระวังความชื้น | ทำความสะอาดง่าย ใช้น้ำได้ |
อายุการใช้งาน | 10-15 ปี | 15-20 ปี |
ราคา (บาท/ตร.ม.) | 450-1,500 | 350-1,200 |
พื้นที่เหมาะสม | ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน | ห้องน้ำ ห้องครัว พื้นที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง |
การรองรับน้ำหนัก | ดีเยี่ยม (ไม่เกิดรอยบุ๋มง่าย) | ปานกลาง (เกิดรอยบุ๋มได้จากของหนัก) |
ความรู้สึกเมื่อเดิน | แข็งกว่า | นุ่มและยืดหยุ่นกว่า |